《เวียดนาม》 เร่งถม..ทะเลจีนใต้..แข่งจีน
[ 24 ส.ค. 2025 ] เวียดนามเร่งขยายพื้นที่ในทะเลจีนใต้ และภาพถ่ายดาวเทียมล่าสุด ได้แสดงให้เห็นถึง..การเริ่มสร้างโครงสร้างพื้นฐานบนแนวปะการังที่งานขุดลอกใกล้เสร็จ
ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา ฮานอยได้ดำเนินการถมดินและขุดลอกบริเวณหมู่เกาะสแปรตลีย์อย่างต่อเนื่อง โดย ณ เดือนมีนาคม 2025 เวียดนามได้สร้างพื้นที่ดินเทียมคิดเป็นประมาณ 70% ของที่จีนได้สร้างไว้
การขยายพื้นที่ใหม่อีก 8 แห่งอาจทำให้เวียดนาม เทียบเท่าหรือแซงหน้าจีนในด้านการสร้างเกาะเทียม
โครงสร้างใหม่เริ่มปรากฏ
เริ่มมีการสร้างโครงสร้างพื้นฐานบนแนวปะการังที่งานขุดลอกใกล้เสร็จ เช่น:
- Barque Canada Reef
- Discovery Great Reef
- Ladd Reef
- Namyit Island
- Pearson Reef
- Sand Cay
- Tennent Reef
- สิ่งปลูกสร้างเหล่านี้รวมถึงอาคารจัดเก็บยุทโธปกรณ์และกลุ่มอาคารที่อาจใช้เป็นที่พักหรือสำนักงาน ซึ่งสะท้อนถึงความตั้งใจของเวียดนามในการเสริมสร้างสถานะทางยุทธศาสตร์ในภูมิภาคนี้.
กิจกรรมของจีนในหมู่เกาะสแปรตลีย์และทะเลจีนใต้:
จีนยังคงดำเนินกิจกรรมสร้างเกาะเทียมอย่างต่อเนื่อง
ตั้งแต่ปี 2013 ถึง 2017 จีนได้สร้างเกาะเทียมจำนวน 7 แห่งในหมู่เกาะสแปรตลีย์ ซึ่งปัจจุบันมีการติดตั้งโครงสร้างทางทหาร เช่น:
- โรงเก็บเครื่องบินรบ
- ระบบขีปนาวุธต่อต้านเรือและต่อต้านอากาศยาน
- สถานีเรดาร์และระบบสื่อสารขั้นสูง
- การลาดตระเวนและยุทธวิธีแบบ “gray zone”
- จีนใช้เกาะเหล่านี้เป็นฐานในการส่งเรือยามฝั่งและกองกำลังติดอาวุธออกลาดตระเวนลึกเข้าไปในเขตเศรษฐกิจจำเพาะของประเทศเพื่อนบ้าน เช่น เวียดนามและฟิลิปปินส์ โดยใช้ยุทธวิธีที่ไม่ถึงขั้นสงครามเปิด แต่มีลักษณะกดดันและยึดครองพื้นที่อย่างค่อยเป็นค่อยไป
ข้อพิพาทเรื่อง “เส้นประเก้าจุด”
จีนอ้างสิทธิ์เหนือทะเลจีนใต้เกือบทั้งหมดโดยใช้แผนที่ “เส้นประเก้าจุด” ซึ่งทับซ้อนกับเขตเศรษฐกิจของหลายประเทศในอาเซียน เช่น บรูไน มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม อย่างไรก็ตาม ศาลอนุญาโตตุลาการถาวรในกรุงเฮกได้ตัดสินในปี 2016 ว่าการอ้างสิทธิ์ของจีนไม่เป็นไปตามกฎหมายระหว่างประเทศ แต่จีนไม่ยอมรับคำตัดสินนั้น
เป้าหมายของจีน
กิจกรรมเหล่านี้สะท้อนถึงความพยายามของจีนในการสร้างอิทธิพลทางยุทธศาสตร์และเศรษฐกิจในภูมิภาค โดยเฉพาะในเส้นทางการค้าทางทะเลที่มีมูลค่ากว่า 3 ล้านล้านดอลลาร์ต่อปี
ผลกระทบต่ออาเซียนจากการขยายกิจกรรมของจีนและเวียดนามในทะเลจีนใต้ โดยเฉพาะบริเวณหมู่เกาะสแปรตลีย์:
ความตึงเครียดด้านอธิปไตยและความมั่นคง
- การสร้างเกาะเทียมและโครงสร้างทางทหารของจีนและเวียดนามทำให้ข้อพิพาทเรื่องเขตแดนทางทะเลรุนแรงขึ้น
- ประเทศอาเซียนที่มีข้อเรียกร้องในพื้นที่นี้ เช่น ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย และบรูไน อาจรู้สึกถูกกดดันและสูญเสียอิทธิพลในพื้นที่ที่ตนเองอ้างสิทธิ์
ความเสี่ยงต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ
- ทะเลจีนใต้เป็นเส้นทางการค้าสำคัญ มูลค่ากว่า 3 ล้านล้านดอลลาร์ต่อปี หากเกิดความขัดแย้งหรือการปิดกั้นเส้นทางเดินเรือ จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศอาเซียนโดยตรง
ผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติ
- การถมทะเลและสร้างโครงสร้างถาวรส่งผลต่อระบบนิเวศทางทะเล เช่น แหล่งประมงและแนวปะการัง ซึ่งเป็นแหล่งอาหารและรายได้ของประชาชนในภูมิภาค
ความท้าทายต่อความร่วมมือในอาเซียน
- ความแตกต่างในท่าทีของประเทศสมาชิกต่อจีน เช่น บางประเทศเลือกประนีประนอม ขณะที่บางประเทศยืนกรานในสิทธิของตน อาจทำให้เกิดความแตกแยกภายในอาเซียน
- ความพยายามจัดทำ “กฎบัตรพฤติกรรมในทะเลจีนใต้ (Code of Conduct)” ระหว่างอาเซียนกับจีนยังคงล่าช้าและไม่แน่นอน
การเพิ่มบทบาทของมหาอำนาจภายนอก
- สหรัฐฯ ญี่ปุ่น และออสเตรเลียเริ่มเข้ามามีบทบาทมากขึ้นผ่านการฝึกซ้อมทางทหารและความร่วมมือด้านความมั่นคงกับประเทศอาเซียน ซึ่งอาจทำให้ภูมิภาคกลายเป็นเวทีแข่งขันระหว่างมหาอำนาจ
ทะเลจีนใต้เป็นหนึ่งในเส้นทางการค้าที่สำคัญที่สุดของโลก โดยมีหลายประเทศที่พึ่งพาการขนส่งสินค้าผ่านพื้นที่นี้ ทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลก:
ประเทศที่ใช้ทะเลจีนใต้เป็นเส้นทางการค้าโดยตรง ได้แก่:
- จีน: ส่งออกและนำเข้าสินค้าจำนวนมหาศาลผ่านช่องแคบมะละกาและทะเลจีนใต้
- ญี่ปุ่น: พึ่งพาการนำเข้าน้ำมันและวัตถุดิบจากตะวันออกกลางผ่านเส้นทางนี้
- เกาหลีใต้: ใช้เส้นทางนี้ในการขนส่งสินค้าอุตสาหกรรมและพลังงาน
- ไต้หวัน: มีท่าเรือสำคัญ เช่น เกาสง ที่เชื่อมต่อกับทะเลจีนใต้
- ฟิลิปปินส์, เวียดนาม, มาเลเซีย, สิงคโปร์, อินโดนีเซีย, บรูไน: เป็นประเทศที่มีชายฝั่งติดทะเลจีนใต้และใช้เป็นเส้นทางหลักในการค้าระหว่างประเทศ
ประเทศอื่นที่ใช้เส้นทางผ่านทะเลจีนใต้:
- อินเดีย: การค้ากับเอเชียตะวันออก เช่น ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ ผ่านช่องแคบมะละกาเข้าสู่ทะเลจีนใต้
- ประเทศในตะวันออกกลางและแอฟริกา: ส่งออกน้ำมันและก๊าซธรรมชาติไปยังเอเชียตะวันออก
- ยุโรปและสหรัฐฯ: การค้ากับเอเชียตะวันออกจำนวนมากต้องผ่านทะเลจีนใต้
ในปี 2023 มีการขนส่ง:
- น้ำมันดิบและผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมกว่า 10 พันล้านบาร์เรล
- ก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) กว่า 6.7 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุต
ผ่านทะเลจีนใต้
ทะเลจีนใต้จึงไม่ใช่แค่พื้นที่พิพาททางภูมิรัฐศาสตร์ แต่ยังเป็นเส้นเลือดใหญ่ของเศรษฐกิจโลก หากคุณทะเลจีนใต้เป็นเส้นทางการค้าที่สำคัญระดับโลก และมีหลายประเทศที่มี ท่าเรือยุทธศาสตร์ หรือมีบทบาทเฉพาะในเส้นทางนี้
ประเทศที่โดดเด่น:
สิงคโปร์
- ท่าเรือ: PSA Tuas Mega Port
- บทบาท: เป็นจุดเปลี่ยนถ่ายสินค้าระหว่างเอเชียกับยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกา
- จุดเด่น: ระบบอัตโนมัติเต็มรูปแบบ, โครงสร้างพื้นฐานทันสมัย, เป็นศูนย์กลางการเติมน้ำมันเรือที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
จีน
- ท่าเรือสำคัญ: Shanghai, Ningbo-Zhoushan, Shenzhen, Guangzhou
- บทบาท: เป็นศูนย์กลางการส่งออกสินค้าทั่วโลก และเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ “Belt and Road”
- จุดเด่น: ท่าเรือหลายแห่งติดอันดับโลกด้านปริมาณตู้คอนเทนเนอร์, มีโครงสร้างพื้นฐานรองรับทั้งการค้าและการทหาร (Military-Civil Fusion)
เวียดนาม
- ท่าเรือสำคัญ: Hai Phong, Da Nang, Ho Chi Minh City
- บทบาท: เป็นจุดขนส่งสินค้าระหว่างจีนตอนใต้กับอาเซียน
- จุดเด่น: กำลังพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับการเติบโตของการค้าและการผลิตในภูมิภาค
มาเลเซีย
- ท่าเรือสำคัญ: Port Klang, Tanjung Pelepas
- บทบาท: เป็นจุดพักเรือก่อนเข้าสู่ช่องแคบมะละกา
- จุดเด่น: มีบทบาทสำคัญในการเชื่อมโยงการค้าระหว่างมหาสมุทรอินเดียและแปซิฟิก
ฟิลิปปินส์
- ท่าเรือสำคัญ: Manila, Subic Bay
- บทบาท: เป็นจุดยุทธศาสตร์ในเส้นทางเดินเรือระหว่างเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กับสหรัฐฯ
- จุดเด่น: มีความร่วมมือด้านความมั่นคงกับมหาอำนาจ เช่น สหรัฐฯ
Cameron Williamson
Duis hendrerit velit scelerisque felis tempus, id porta libero venenatis. Nulla facilisi. Phasellus viverra magna commodo dui lacinia tempus. Donec malesuada nunc non dui posuere, fringilla vestibulum urna mollis. Integer condimentum ac sapien quis maximus.
Rahabi Khan
Pellentesque habitant morbi tristique senectus et netus et malesuada fames ac turpis egestas. Suspendisse lobortis cursus lacinia. Vestibulum vitae leo id diam pellentesque ornare.
Rahabi Khan
Duis hendrerit velit scelerisque felis tempus, id porta libero venenatis. Nulla facilisi. Phasellus viverra magna commodo dui lacinia tempus. Donec malesuada nunc non dui posuere, fringilla vestibulum urna mollis. Integer condimentum ac sapien quis maximus.