ปมขัดแย้ง เชื้อชาติ“ไทย-จีน” จีนปฎิเสธ ตำรา“ไทยมาจากยูนนาน-น่านเจ้า”
[ 15 ก.ย. 2025 ]นับแต่การสถาปนาระบอบเผด็จการทหารสฤษดิ์ ถนอม ประภาส ซึ่งเปิดฉากขึ้นใน ค.ศ. 1957 การแสวงหาความรู้เกี่ยวกับจีนถูกทำให้เป็นอัมพาต การค้นคว้าทางวิชาการที่เกี่ยวข้องกับจีน ซึ่งถูกมองว่าเป็นคอมมิวนิสต์ เป็นเรื่องเสี่ยงอันตรายสำหรับนักวิชาการ เนื่องจากอาจถูกจับจ้องจากรัฐ และติดป้ายว่าเป็นแนวร่วมคอมมิวนิสต์
จนเมื่อ ค.ศ. 1972 ที่มีการเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนของประธานาธิบดีริชาร์ด นิกสัน ได้นำไปสู่การปรับความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐอเมริกากับสาธารณรัฐประชาชนจีน... ทำให้รัฐบาลไทยจำต้องเปลี่ยนท่าทีตาม... และรัฐบาลไทยภายใต้การนำของ ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมช ได้เปิดความสัมพันธ์ทางการทูตกับจีนอย่างเป็นทางการใน ค.ศ. 1975 #anipod anipod.info
🌲⁂🌲⁂🌲⁂🌲⁂🌲⁂🌲⁂🌲⁂🌲⁂🌲
ภายหลังจากการเจรจาเพื่อสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน นายกรัฐมนตรีไทย ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ และโจวเอินไหล นายกรัฐมนตรีจีน ได้ร่วมลงนามในแถลงการณ์ร่วมว่าด้วยการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างราชอาณาจักรไทยกับสาธารณรัฐประชาชนจีน ในวันที่ 1 กรกฎาคม ค.ศ. 1975 เพียง 3 วันต่อมา ปัญหาที่ไม่คาดคิดมาก่อน และเกี่ยวข้องกับประเด็นคนจีนและคนไทยเชื้อสายจีนในประเทศไทย ได้สร้างความกังวลให้แก่ทางการจีนอย่างมาก
ภายหลังจากการลงนามในแถลงการณ์ร่วมฯ คณะของไทยได้เดินทางเยือนเซี่ยงไฮ้และคุนหมิง เมื่อเดินทางถึงคุนหมิง เมืองเอกของมณฑลยูนนาน ในวันที่ 4 กรกฎาคม ทางเจ้าภาพได้จัดเลี้ยงรับรองอาหารค่ำซึ่งปรุงโดยชนชาติไทจากสิบสองปันนา มีลาบเนื้อ และน้ำพริกอ่องเป็นอาหารจานเด็ดเพื่อสร้างความประทับใจให้กับคณะ ของ ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ #anipod anipod.info
🌲⁂🌲⁂🌲⁂🌲⁂🌲⁂🌲⁂🌲⁂🌲⁂🌲
ภายหลังรับประทานอาหาร ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ได้กล่าวขอบคุณเจ้าภาพด้วยอารมณ์ขันว่า
“เมื่อมาถึงคุนหมิง รู้สึกว่าข้าพเจ้ากลับมาบ้านเดิมอีกครั้งหนึ่ง เพราะทราบจากประวัติศาสตร์ว่าสมัยราชวงศ์ถัง อาณาจักรไทยย้ายจากเมืองตาลีมาอยู่คุนหมิง แต่นั่นเป็นประวัติศาสตร์ที่ไม่สามารถพิสูจน์ได้ แต่ที่พิสูจน์ได้ก็คืออาหารมื้อแรกที่นี่มีอาหารไทย 2 อย่าง คือ ลาบเนื้อ ซึ่งอร่อยกว่าไทยมาก และน้ำพริก ถ้าอย่างนี้ ไม่เรียกว่ากลับบ้านเดิมก็ไม่รู้จะเรียกว่าอะไรอีกแล้ว”
อานันท์ ปันยารชุน นักการทูตหนุ่มที่ร่วมคณะไปด้วย ได้กล่าวถึงความรู้สึกโดยรวมของคณะนักการทูตไทย และเล่าขยายความถึง ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ว่า
“เราทุกคนก็รู้ว่าเรื่องสิบสองปันนา และเรื่องเชียงรุ่ง ในมณฑลยูนนาน ความสัมพันธ์ทางด้านจิตใจมันก็มีมานาน คุณคึกฤทธิ์ก็บอกเลยคืนนั้นว่า พรุ่งนี้เช้าผมจะเอาธงไทยไปปักหน้าบ้านพักรับรอง แล้วประกาศว่าคณะของเรามาปลดแอกมณฑลยูนนานออกจากจีนแล้ว เรามาเรียกร้องดินแดนกลับคืนไป #anipod anipod.info
🌲⁂🌲⁂🌲⁂🌲⁂🌲⁂🌲⁂🌲⁂🌲⁂🌲
ฝ่ายจีนไม่ได้รู้สึกซาบซึ้งกับคำกล่าวขอบคุณของนายกรัฐมนตรีไทย และความพยายามที่จะเชื่อมโยงไทยกับจีนมากนัก ตรงกันข้าม คำกล่าวด้วยอารมณ์ขันของ ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ กลับสร้างความวิตกกังวลให้กับเจ้าหน้าที่ระดับสูงจากกรุงปักกิ่งที่ร่วมเดินทางมากับคณะนักการทูตไทย ซึ่งรวมถึง ฮานเนี่ยนหลง (韩念龙) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศของจีน และ ฮว่ากั่วเฟิง (华国锋) รองนายกรัฐมนตรี
สำหรับรัฐบาลคอมมิวนิสต์ที่เพิ่งทำการปฏิวัติสําเร็จใน ค.ศ. 1944 การสร้างนิยาม “ชาติจีน” เป็นโจทย์สำคัญอันหนึ่งในการยึดโยงคนจีนเข้าด้วยกัน เมื่อการปฏิวัติเสร็จสิ้นลง ทางการจีนได้พยายามนิยาม “ชาติจีน” ว่าคือประเทศชาติที่เกิดจากการหลอมรวมของคนหลากหลายชาติพันธุ์ รวม 56 ชาติพันธุ์ ซึ่งมาจากโครงการจัดจำแนกชาติพันธุ์ตามสูตร 55 (ชนชาติพันธุ์ส่วนน้อย) +1 (ชนชาติพันธุ์ฮั่น) = 56 ทั้งนี้สูตรการจำแนก 56 ชาติพันธุ์นี้เพิ่งมาสำเร็จลงตัวเมื่อ ค.ศ. 1979 ด้วยการจัดจำแนกชนชาติพันธุ์จีนั่ว (基诺族) เป็นชนชาติพันธุ์สุดท้าย
ดังนั้น คำกล่าวของ ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ใน ค.ศ. 1975 ที่กล่าวถึงความผูกพันระหว่างชนชาติพันธุ์ไทในยูนนานกับคนไทย ความรู้สึกเหมือนกลับบ้านเดิมและการเรียกร้องดินแดนคืน อันเป็นผลมาจากการถูกหล่อหลอมด้วยประวัติศาสตร์ชาติไทยฉบับอัลไต-น่านเจ้า จึงสร้างความวิตกกังวลให้แก่ทางการจีนอย่างมาก
เนื่องจากเป็นการท้าทายกระบวนการนิยาม “ชาติจีน” ของพรรคคอมมิวนิสต์ที่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ ด้วยการยึดโยง “ชนชาติพันธุ์ไท” ในจีน เข้ากับจินตนาการ “ชาติไทย” อันเป็นผลผลิตจากประวัติศาสตร์ชาตินิยมไทย ขณะเดียวกัน ประสบการณ์ขมขื่นจากช่วงปฏิวัติวัฒนธรรมที่เพิ่งผ่านพ้นไม่นาน ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างชนชาติส่วนน้อยกับรัฐบาลเป็นประเด็นอ่อนไหว
ดังนั้น ประวัติศาสตร์ฉบับอัลไต-น่านเจ้า จึงเป็นเรื่องอันตราย นอกจากการอ้างอธิปไตยโดยนัยเหนือชนชาติพันธุ์ไทในจีนแล้ว ประวัติศาสตร์ฉบับดังกล่าวยังอ้างอธิปไตยทางประวัติศาสตร์เหนือดินแดนจีน…#anipod anipod.info
🌲⁂🌲⁂🌲⁂🌲⁂🌲⁂🌲⁂🌲⁂🌲⁂🌲
หลังคณะของ ม.ร.ว. คึกฤทธิ์เดินทางกลับไทยไม่กี่วัน กระทรวงการต่างประเทศจีนและพรรคคอมมิวนิสต์ได้สั่งการผ่านพรรคคอมมิวนิสต์ประจำมณฑลยูนนาน ให้สถาบันวิจัยประวัติศาสตร์ประจำมณฑลยูนนานวิจัยประวัติศาสตร์ความสัมพันธ์ระหว่างไทย-จีน เพื่อความกระจ่างในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ทั้ง 2 ประเทศ
ทั้งเรื่องประวัติศาสตร์ชาติไทยฉบับอัลไต-น่านเจ้า ที่อ้างอธิปไตยทางประวัติศาสตร์เหนือชนชาติพันธุ์และดินแดนบางส่วนของจีน ทั้งยังเน้นความไม่ลงรอยระหว่างชนชาติพันธุ์ไท(ย) กับจีน ด้วยการอ้างว่า การรุกรานของจีนเป็นชนวนทำให้ “คนไท(ย) ทิ้งแผ่นดิน” อพยพลงใต้จากน่านเจ้าจนมาตั้งหลักแหล่งในประเทศไทยทุกวันนี้
ภายหลังได้รับแจ้งจากรัฐบาลจีน เฉินหลี่ว์ฝ่าน (陈吕范) นักวิจัยอาวุโสประจำสถาบันวิจัยประวัติศาสตร์ฯ ได้รับมอบหมายให้เป็นหัวหน้าจัดตั้งกลุ่มวิจัยความสัมพันธ์ไทย-จีน ขึ้น กลุ่มวิจัยเน้นจุดมุ่งหมายในการวิจัย 2 เรื่อง คือ การล้มล้างมายาคติประวัติศาสตร์เรื่องยูนนานเคยเป็นที่ตั้งอาณาจักรไท(ย) และการสลายความไม่ลงรอยระหว่างชาติพันธุ์ไท(ย) กับจีน anipod.info
🌲⁂🌲⁂🌲⁂🌲⁂🌲⁂🌲⁂🌲⁂🌲⁂🌲
การทำงานของกลุ่มวิจัยไม่ได้เกิดจากการทำตามคำสั่งของรัฐบาลจีนเพียงด้านเดียว หากแต่เกิดจากอารมณ์ความรู้สึกชาตินิยมวิชาการ ที่ต้องการใช้วิชาการเป็นเครื่องมือในการปกป้องผลประโยชน์แห่งชาติของจีนด้วย
เฉิน หัวหน้ากลุ่มวิจัยได้เขียนบันทึกระลึกถึงเหตุกาณ์ตั้งแต่เริ่มต้นได้รับการติดต่อให้ทำวิจัยและบรรจุรายละเอียดต่างๆ ไว้อย่างชัดเจน ในบันทึกดังกล่าว เฉินเขียนด้วยอารมณ์ความรู้สึกชาตินิยมพาดพิงถึง ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ และคณะทูตไทยกับการอ้างอิงประวัติศาสตร์ฉบับอัลไต-น่านเจ้า ว่า
“ท่านนายกรัฐมนตรีไทยที่เพิ่งสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับประเทศชาติของข้าพเจ้าเสร็จสิ้น ผู้นี้..คิดว่าการเดินทางมายูนนานคือ ‘การเดินทางกลับบ้านเดิม’ ท่านกล่าวว่า ‘เมืองหลวงของไทยแต่เดิมอยู่ที่ต้าหลี่ ต่อมาจึงอพยพลงมายังคุนหมิง’ นอกจากนี้นายชะลอ วนะภูติ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ซึ่งเดินทางมาพร้อมกับ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ เมื่อเดินทางกลับแล้ว ได้เขียนบทความลงวารสาร ที่กรุงเทพฯ ระบุว่า ยูนนาน ‘เคยเป็นดินแดนใต้อาณัติของไทยมาก่อน’”
กลุ่มวิจัยได้เริ่มแปลเอกสารภาษาไทยที่มีความเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ชาติไทย และ ความสัมพันธ์ไทย-จีน ซึ่งรวมถึงงานประวัติศาสตร์ชาตินิยมไทยที่แต่งโดยหลวงวิจิตรวาทการ ในยุคที่จอมพล ป. พิบูลสงคราม ต้องการสร้างมหาอาณาจักรไทยด้วยการผนวกรวมพื้นที่ต่างๆ ที่มีคนไท(ย) อาศัยอยู่เข้าด้วยกัน รวมทั้งจีนตอนใต้ เพื่อนำเสนอข้อมูลต่างๆ ให้รัฐบาลจีนใช้ในการดำเนินความสัมพันธ์ ไทย-จีน #anipod anipod.info
🌲⁂🌲⁂🌲⁂🌲⁂🌲⁂🌲⁂🌲⁂🌲⁂🌲
อย่างไรก็ตาม การวิจัยนี้ไม่ได้มุ่งเพียงการนำเสนอข้อมูลให้กับรัฐบาลจีนเท่านั้น หากแต่การผลิตความรู้ของกลุ่มวิจัยยังมีภาคปฏิบัติการที่ใช้ความรู้วิชาการเป็นเครื่องมือในการดำเนินงานทางการทูตโดยตรงอย่างชัดเจน... อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : https://www.silpa-mag.com/history/article_75773
Post a comment
Sign in with Google to post a comment
Cameron Williamson
Duis hendrerit velit scelerisque felis tempus, id porta libero venenatis. Nulla facilisi. Phasellus viverra magna commodo dui lacinia tempus. Donec malesuada nunc non dui posuere, fringilla vestibulum urna mollis. Integer condimentum ac sapien quis maximus.
Rahabi Khan
Pellentesque habitant morbi tristique senectus et netus et malesuada fames ac turpis egestas. Suspendisse lobortis cursus lacinia. Vestibulum vitae leo id diam pellentesque ornare.
Rahabi Khan
Duis hendrerit velit scelerisque felis tempus, id porta libero venenatis. Nulla facilisi. Phasellus viverra magna commodo dui lacinia tempus. Donec malesuada nunc non dui posuere, fringilla vestibulum urna mollis. Integer condimentum ac sapien quis maximus.