ค้นพบโครงสร้างคล้าย “จุลชีพ และน้ำ“ จากตัวอย่างทรายที่นำกลับมาจากดาวเคราะห์น้อย “ริวกู” โดยยานสำรวจ ฮายาบู๊สะ 2 ของญี่ปุ่น
ค้นพบโครงสร้างคล้าย “จุลชีพ และน้ำ“ จากตัวอย่างทรายที่นำกลับมาจากดาวเคราะห์น้อย “ริวกู” โดยยานสำรวจ ฮายาบู๊สะ 2 ของญี่ปุ่น

[ 11 ก.ย. 2025 ] การค้นพบกรดอะมิโนจากดาวเคราะห์น้อยริวกูโดยยานฮายาบูสะ 2
องค์การสำรวจอวกาศญี่ปุ่น (JAXA) ได้ส่งยานสำรวจฮายาบูสะ 2 ไปเก็บตัวอย่างทรายจากดาวเคราะห์น้อยริวกู และนำกลับมายังโลกในปี 2020 

จากการวิเคราะห์พบว่าในตัวอย่างนั้นมีกรดอะมิโน ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญของสิ่งมีชีวิตและและยูราซิลซึ่งเป็นองค์ประกอบของ RNA รวมถึงผลึกเกลือที่บ่งบอกถึงการมีน้ำในยุคแรกของระบบสุริยะ 

การค้นพบเหล่านี้ชี้ให้เห็นว่า วัสดุที่เป็นต้นกำเนิดของชีวิตบนโลกอาจมาจากอวกาศ และเป็นเบาะแสสำคัญในการไขความลับเกี่ยวกับต้นกำเนิดของชีวิตและการก่อกำเนิดของระบบสุริยะ 

การค้นพบนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการศึกษาต้นกำเนิดของชีวิต เพราะก่อนหน้านี้กรดอะมิโนไม่เคยถูกพบในดวงจันทร์หรือดาวเคราะห์น้อยอิโตกาวะ และแม้จะเคยพบในอุกกาบาตที่ตกลงสู่โลก แต่ก็มีข้อสงสัยเรื่องการปนเปื้อนจากบรรยากาศโลกและสิ่งมีชีวิตบนโลก

การพบกรดอะมิโนในสภาพที่ไม่ปนเปื้อนจากโลก ชี้ให้เห็นถึงความเป็นไปได้ที่วัตถุจากอวกาศ เช่น ดาวเคราะห์น้อย อาจเป็นแหล่งที่นำพาสารตั้งต้นของชีวิตมายังโลก และเป็นเบาะแสสำคัญในการไขปริศนาว่า “ชีวิตบนโลกเริ่มต้นจากอะไร”

จากการวิเคราะห์ทรายที่ได้จากดาวเคราะห์น้อยริวกู พบผลึกของเกลือหลายชนิด เช่น โซเดียมคาร์บอเนต, เกลือหิน (โซเดียมคลอไรด์), และโซเดียมซัลเฟต ซึ่งบ่งชี้ว่า ดาวริวกูมีต้นกำเนิดจากวัตถุแม่ที่เคยมีน้ำในรูปของของเหลวอยู่ภายใน

การที่พบผลึกเกลือเหล่านี้ แสดงให้เห็นว่า น้ำเกลือในวัตถุแม่ของริวกูเคยผ่านกระบวนการระเหยหรือแข็งตัว ทำให้เกิดการตกผลึกของเกลือ เป็นหลักฐานสำคัญที่ช่วยอธิบายถึงการมีอยู่ของน้ำในยุคแรกของระบบสุริยะ และอาจเชื่อมโยงถึงต้นกำเนิดของน้ำบนโลกอีกด้วย  anipod.info  #anipod

🌲⁂🌲⁂🌲⁂🌲⁂🌲⁂🌲⁂🌲⁂🌲⁂🌲

ต้นกำเนิดของริวกู (Ryugu)
แม่ดาวของริวกูเกิดขึ้นบริเวณขอบนอกของระบบสุริยะเมื่อประมาณ 
4.6 พันล้านปีก่อน โดยมีองค์ประกอบของคาร์บอนและน้ำ อย่างไรก็ตาม จากการศึกษาก่อนหน้านี้พบว่า น้ำส่วนใหญ่ได้ถูกดูดซึมเข้าไปในแร่ธาตุจนกลายเป็น “แร่ที่มีน้ำ” และบางส่วนระเหยหายไป

ริวกูในปัจจุบันเกิดจากเศษซากของแม่ดาวที่แตกออกหลังการชนกับวัตถุท้องฟ้าอื่น แล้วรวมตัวกันใหม่ ซึ่งทำให้ 
น้ำในรูปของของเหลวแทบไม่หลงเหลืออยู่

ทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยโตเกียว นำโดยรองศาสตราจารย์ทาเคชิ อีซึกะ พบว่าอายุของทรายจากริวกูอยู่ที่ประมาณ 
4.8 พันล้านปี ซึ่งเก่ากว่าระบบสุริยะ ถือเป็นค่าที่ “ผิดปกติ” จึงศึกษาลึกลงไป แล้วพบว่าแม่ดาวของริวกูสามารถเก็บรักษาน้ำไว้ภายในได้นานกว่า 1 พันล้านปี ก่อนที่น้ำจะไหลออกจากการชน เป็นสาเหตุที่ทำให้การวัดอายุเกิดความคลาดเคลื่อน

🌍 ผลกระทบต่อทฤษฎีต้นกำเนิดน้ำบนโลก

การกำเนิดน้ำบนโลกเป็นหนึ่งในคำถามที่นักวิทยาศาสตร์พยายามหาคำตอบมาอย่างยาวนาน เพราะน้ำเป็นองค์ประกอบสำคัญต่อการเกิดสิ่งมีชีวิตและวิวัฒนาการของโลก

เดิมเชื่อว่าน้ำบนโลกมาจากแร่ที่มีน้ำในวัตถุคล้ายแม่ดาวของริวกู แต่หากแม่ดาวเหล่านี้มีน้ำอยู่ภายในมากกว่าที่คิด ก็อาจหมายความว่า 
ปริมาณน้ำที่โลกได้รับอาจมากกว่าที่เคยประเมินไว้ถึง 2–3 เท่า จึงเป็นประเด็นให้ศึกษาต่อไปว่า..“น้ำ”ดังกล่าวนั้น..หายไปไหน anipod.info  #anipod

ทั้งนี้.. แร่ที่มีน้ำ หรือที่เรียกในทางธรณีวิทยาว่า "แร่ประกอบน้ำ" (Hydrated minerals) คือแร่ธาตุที่มีโมเลกุลของน้ำเป็นส่วนหนึ่งของโครงสร้างภายในของแร่ ไม่ใช่แค่น้ำที่เกาะอยู่ภายนอก แต่เป็นน้ำที่ถูกจับอยู่ในระดับโมเลกุลภายในผลึกของแร่
🔍 ตัวอย่างของแร่ที่มีน้ำ ได้แก่:
  • แร่ดินเหนียว (Clay minerals) เช่น มอนต์มอริลโลไนต์ (Montmorillonite) หรือไคโอลิไนต์ (Kaolinite)
  • ยิปซัม (Gypsum) มีสูตรเคมีคือ CaSO₄·2H₂O ซึ่งมีน้ำอยู่ 2 โมเลกุลต่อหนึ่งโมเลกุลของแร่
  • แร่ซิลิเกตบางชนิด เช่น เซอเพนทีน (Serpentine) และทัลก์ (Talc)
บทบาทของแร่ที่มีน้ำในระบบสุริยะ:
  • ในอุกกาบาตหรือดาวเคราะห์น้อย เช่น ริวกู (Ryugu) แร่เหล่านี้เป็นหลักฐานสำคัญที่บ่งบอกว่าเคยมีน้ำอยู่ในระบบสุริยะยุคแรก
  • เมื่อน้ำถูกรวมเข้าไปในแร่เหล่านี้ จะช่วยรักษาน้ำไว้ได้นาน แม้ในสภาพแวดล้อมที่แห้งหรือร้อน
ความสำคัญต่อโลก:
  • นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าแร่ที่มีน้ำจากอุกกาบาตหรือดาวเคราะห์น้อยอาจเป็นแหล่งกำเนิดน้ำบนโลกในยุคแรกเริ่ม
  • หากแร่เหล่านี้มีน้ำมากกว่าที่เคยคิดไว้ ก็อาจหมายถึงว่าโลกได้รับน้ำจากอวกาศมากกว่าที่เราประเมินไว้ถึง 2–3 เท่า

🌲⁂🌲⁂🌲⁂🌲⁂🌲⁂🌲⁂🌲⁂🌲⁂🌲

ทฤษฎีหลักเกี่ยวกับต้นกำเนิดน้ำบนโลก
1. น้ำมาจากอุกกาบาตและดาวเคราะห์น้อย
  • ในช่วงแรกของการก่อตัวของระบบสุริยะเมื่อประมาณ 4.6 พันล้านปีที่แล้ว โลกยังร้อนเกินกว่าจะมีน้ำในสถานะของเหลวได้
  • นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า อุกกาบาตที่มีน้ำแข็ง และ ดาวเคราะห์น้อยที่มีแร่ประกอบน้ำ ได้พุ่งชนโลกและนำพาน้ำมาด้วย
  • การทดลองล่าสุดพบว่าแม้การชนจะทำให้น้ำบางส่วนระเหยไป แต่ก็มีน้ำจำนวนหนึ่งที่ถูกกักเก็บไว้ในหินหรือแก้วที่เกิดจากแรงกระแทก
2. น้ำมาจากภายในโลก
  • มีสมมติฐานว่า ไฮโดรเจนภายในโลก อาจมีบทบาทในการก่อตัวของมหาสมุทร โดยเกิดจากปฏิกิริยาเคมีระหว่างไฮโดรเจนกับออกซิเจนในชั้นเนื้อโลก
  • แนวคิดนี้เสนอว่าโลกอาจมีน้ำตั้งแต่ช่วงแรกของการก่อตัว โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพาการชนจากวัตถุภายนอกเพียงอย่างเดียว
3. น้ำจากแหล่งเดียวกับดวงจันทร์
  • งานวิจัยจากมหาวิทยาลัย Brown พบว่า น้ำบนโลกและดวงจันทร์อาจมีต้นกำเนิดเดียวกัน จากการศึกษาหินภูเขาไฟจากดวงจันทร์ที่มีร่องรอยของน้ำคล้ายกับหินจากโลก
  • สิ่งนี้ชี้ให้เห็นว่าในช่วงที่โลกและดวงจันทร์ก่อตัว อาจมีน้ำเป็นองค์ประกอบอยู่แล้ว
หลักฐานทางธรณีวิทยา
  • หินบะซอลต์รูปหมอนที่พบในแถบหินกรีนสโตน Isua เป็นหลักฐานว่ามีน้ำเหลวอยู่บนโลกตั้งแต่ยุคแรกเริ่ม
  • การศึกษาสัดส่วนของไอโซโทปในชั้นบรรยากาศช่วยให้คำนวณได้ว่าโลกสูญเสียน้ำไปมากในช่วงแรกของประวัติศาสตร์

Post a comment

Sign in with Google to post a comment

2 comments

  • Author Images
    Cameron Williamson
    Nov 23, 2018 at 12:23 pm

    Duis hendrerit velit scelerisque felis tempus, id porta libero venenatis. Nulla facilisi. Phasellus viverra magna commodo dui lacinia tempus. Donec malesuada nunc non dui posuere, fringilla vestibulum urna mollis. Integer condimentum ac sapien quis maximus.

    • Author Images
      Rahabi Khan
      Nov 23, 2018 at 12:23 pm

      Pellentesque habitant morbi tristique senectus et netus et malesuada fames ac turpis egestas. Suspendisse lobortis cursus lacinia. Vestibulum vitae leo id diam pellentesque ornare.

  • Author Images
    Rahabi Khan
    Nov 23, 2018 at 12:23 pm

    Duis hendrerit velit scelerisque felis tempus, id porta libero venenatis. Nulla facilisi. Phasellus viverra magna commodo dui lacinia tempus. Donec malesuada nunc non dui posuere, fringilla vestibulum urna mollis. Integer condimentum ac sapien quis maximus.