ศาลสหรัฐฯสั่งระงับภาษีทั้งหมดที่ออกภายใต้กฎหมายเพื่อ“จัดการกับภัยคุกคามในสถานการณ์ฉุกเฉินของประเทศ” ภายใน 10 วัน

[ 28 พ.ค.2025 รอยเตอร์ ]
เมื่อวันที่ 28 ศาลการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐฯ ได้มีคำสั่งคัดค้านการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าแบบครอบคลุม โดยระบุว่าการดำเนินการดังกล่าวของอดีตประธานาธิบดีทรัมป์เกินขอบเขตอำนาจของประธานาธิบดี

รัฐธรรมนูญสหรัฐฯ ให้อำนาจพิเศษแก่สภาคองเกรสในการกำหนดข้อบังคับทางการค้ากับประเทศอื่น ๆ แต่ไม่ครอบคลุมถึงการใช้อำนาจฉุกเฉินของประธานาธิบดีเพื่อปกป้องเศรษฐกิจของสหรัฐฯ

ศาลสามคน ได้มีคำสั่งคัดค้านคำสั่งเกี่ยวกับการเก็บภาษีแบบครอบคลุมของทรัมป์ตั้งแต่เดือนมกราคม โดยระบุว่า “ศาลไม่ได้วิจารณ์ความชาญฉลาดหรือประสิทธิภาพในการใช้อัตราภาษีของประธานาธิบดี แต่การใช้ดังกล่าวไม่ได้รับการอนุญาตเพราะกฎหมายรัฐบาลกลางไม่รองรับ”

ศาลได้มีคำสั่งให้ยกเลิกมาตรการทางภาษีทั้งหมดที่ออกภายใต้กฎหมายฉบับหนึ่งซึ่งมีเป้าหมายเพื่อจัดการกับภัยคุกคามในสถานการณ์ฉุกเฉินของประเทศที่ถือว่า "ไม่ปกติและผิดปกติ" 

ศาลยังมีคำสั่งให้ทรัมป์จัดทำคำสั่งทางการบริหารฉบับใหม่ที่สะท้อนถึงคำสั่งนี้ของศาล ภายใน 10 วัน โดยที่ทางฝ่ายรัฐบาลได้ยื่นอุทธรณ์คำสั่งนี้ในทันที

ส่วนคำสั่งภาษีที่ออกมาโดยใช้กฎหมายอีกฉบับหนึ่ง ซึ่งรวมถึงภาษีสำหรับรถยนต์ เหล็ก และอะลูมิเนียมนั้น ศาลยังไม่ได้รับการร้องขอให้ตัดสินในเรื่องนั้น

"การค้าถือเป็นภาวะฉุกเฉินระดับชาติ"
โฆษกทำเนียบขาว Desai กล่าวว่า "การขาดดุลการค้าถือเป็นภาวะฉุกเฉินระดับชาติ ซึ่งทำลายชุมชนในสหรัฐฯ ทำให้แรงงานถูกละทิ้ง และฐานอุตสาหกรรมการป้องกันประเทศ อ่อนแอ ซึ่งข้อเท็จจริงนี้ไม่ได้ถูกโต้แย้งจากศาล " โดยเพิ่มว่า "ผู้พิพากษาที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งไม่ควรเป็นผู้กำหนดมาตรการที่เหมาะสมในการรับมือกับภาวะฉุกเฉินระดับชาติ"

ตลาดการเงินตอบรับคำพิพากษาด้วยความยินดี ดอลลาร์ถูกซื้อเพิ่มขึ้น หุ้นอนุพันธ์สหรัฐฯและหุ้นเอเชียปรับตัวสูงขึ้น

คำพิพากษานี้เกิดจากสองคดี หนึ่งในนั้นคือการฟ้องร้องจากองค์กร Liberty Justice Center ซึ่งประกอบด้วยธุรกิจขนาดเล็กของสหรัฐฯ 5 รายที่นำเข้าสินค้าจากประเทศที่เกี่ยวข้องกับภาษี และอีกคดีหนึ่งจาก 13 รัฐในสหรัฐฯ โดยในปัจจุบันยังมีคดีภาษีอีกอย่างน้อย 5 คดีที่กำลังอยู่ในระหว่างการพิจารณา

รองที่ปรึกษาประธานาธิบดี Miller วิจารณ์ศาล โดยโพสต์บนโซเชียลมีเดียว่า "รัฐประหารทางตุลาการเป็นสิ่งที่ไม่สามารถควบคุมได้"

อัยการสูงสุดรัฐโอเรกอน Dan Rayfield ซึ่งเป็นผู้นำคดีฟ้องร้องในฐานะพรรคประชาธิปไตย ระบุว่า ภาษีของทรัมป์นั้นผิดกฎหมายและไม่สมเหตุสมผล ทำลายเศรษฐกิจ และกล่าวว่า "คำพิพากษานี้ยืนยันว่า กฎหมายของเรามีความสำคัญ และการตัดสินใจเกี่ยวกับการค้าไม่ควรเป็นไปตามอำเภอใจของประธานาธิบดี"

ทรัมป์ยังคงยืนยันว่าตนมีสิทธิ์ตั้งภาษีอย่างกว้างขวางภายใต้กฎหมาย IEEPA โดยเมื่อวันที่ 2 เมษายนทรัมป์ได้ประกาศว่า ขาดดุลการค้าเป็นภาวะฉุกเฉินระดับชาติ และเรียกเก็บภาษี 10% กับสินค้านำเข้าทั้งหมด พร้อมกำหนดอัตราภาษีที่สูงขึ้นกับประเทศที่สหรัฐฯขาดดุลการค้ามากที่สุด โดยเฉพาะจีน

อย่างไรก็ตาม อัตราภาษีสำหรับประเทศส่วนใหญ่ถูกระงับชั่วคราวในหนึ่งสัปดาห์หลังจากนั้น เพื่อเจรจาต่อรองลดข้อขัดแย้ง

“ผลสุดท้าย..อาจจะไม่ต่างกัน“
หากคำพิพากษานี้ ยังคงอยู่ จะมีผลต่อกลยุทธ์การใช้ภาษีสูงเพื่อบีบให้คู่ค้าเข้ามาเจรจาของทรัมป์  

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์จาก Goldman Sachs ระบุว่า คำสั่งศาลนี้ไม่กระทบต่อภาษีแยกส่วนตามแต่ละภาคและยังคงมีวิธีการทางกฎหมายอื่นอีก ที่ทรัมป์สามารถใช้เรียกเก็บภาษีได้แยกสำหรับแต่ละประเทศ หรือจะออกประกาศรวมก็ได้“ เขาระบุในบันทึกว่า "คำพิพากษานี้เป็นการยกเลิกภาษีของรัฐบาล ซึ่งจะทำให้ความไม่แน่นอนเพิ่มขึ้นไปอีก..แต่สุดท้าย ผลลัพธ์สำหรับพันธมิตรการค้าหลัก ก็อาจจะไม่แตกต่างกัน"

Post a comment

Sign in with Google to post a comment

2 comments

  • Author Images
    Cameron Williamson
    Nov 23, 2018 at 12:23 pm

    Duis hendrerit velit scelerisque felis tempus, id porta libero venenatis. Nulla facilisi. Phasellus viverra magna commodo dui lacinia tempus. Donec malesuada nunc non dui posuere, fringilla vestibulum urna mollis. Integer condimentum ac sapien quis maximus.

    • Author Images
      Rahabi Khan
      Nov 23, 2018 at 12:23 pm

      Pellentesque habitant morbi tristique senectus et netus et malesuada fames ac turpis egestas. Suspendisse lobortis cursus lacinia. Vestibulum vitae leo id diam pellentesque ornare.

  • Author Images
    Rahabi Khan
    Nov 23, 2018 at 12:23 pm

    Duis hendrerit velit scelerisque felis tempus, id porta libero venenatis. Nulla facilisi. Phasellus viverra magna commodo dui lacinia tempus. Donec malesuada nunc non dui posuere, fringilla vestibulum urna mollis. Integer condimentum ac sapien quis maximus.

Instagram